สวัสดีครับ เนื่องจากผมได้เห็นคนถามจากคนรอบตัว รวมทั้งเพื่อนๆ ที่อยากสร้างเว็ปไซต์ แต่ไม่รู้ว่าควรจะเลือก Hosting แบบไหนที่เหมาะสมกับความต้องการ แบบนั้นเป็นยังไง อันไหนดี ทำไมอันนี้แพงจัง จึงเป็นที่มาของบทความนี้
เลือก Hosting ที่ไหนดี? การเลือกโฮสติ้งที่ดี สำคัญไม่แพ้ไปกับการสร้างเว็บไซต์ เว็ปเราจะเร็วหรือหาเจอได้ง่ายจาก Google Seach หรือ บริการค้นหาอื่นๆ ความเร็วของโฮสติ้งมีส่วนช่วยในเรื่องนี้ด้วย สำหรับคนที่สร้างเว็ปด้วย WordPress อยากจะต้องมองหาผู้บริการโฮสติ้งที่รองรับ WordPress หรือ WordPress Hosting ที่จะมีเครื่องมือต่างๆ ช่วยให้การติดตั้ง WordPress เป็นเรื่องง่าย
เลือก WordPress Hosting ที่ไหนดี?

เว็บโฮสติ้ง คือ สถานที่หรือพื้นที่ที่ใช้สำหรับเก็บไฟล์ของเว็ปไซต์ เป็นเซิร์ฟเวอร์ชนิดหนึ่งนอกจากนั้นยังเก็บข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นต่อเว็บไซต์ เช่น ฐานข้อมูล อีเมล์ สิ่งที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ที่สำคัญก็ คือ โดเมนเนม หรือ ชื่อเว็บไซต์ ที่ทำให้เว็บไซต์นั้นสามารถออนไลน์ได้
รู้จักประเภท Hosting
1. Share Hosting / แชร์โฮสติ้ง

แชร์โฮสติ้ง คือ เว็บโฮสติ้งที่มีเว็บไซต์หลายๆ เว็บไซต์อยู่ในโฮสติ้งเดียวกัน ทุกเว็บไซต์จะใช้ทรัพยากรณ์ร่วมกัน เพราะชื่อก็บอกว่าแชร์ 🙂 เป็นที่ได้รับความนิยมสูงสุด ต้นทุนต่ำสุด เหมาะสมกับเว็ปไซต์ขนาดเล็ก หรือผู้ที่ต้องการศึกษาการทำเว็ปไซต์บนโฮสติ้งจริงๆ
ข้อดีของแชร์โฮสติ้ง
👍 ราคาถูก เริ่มต้น 500 – 3500 บาท ต่อปี
👍 มีแพคเกจให้เลือก ขึ้นอยู่กับความต้องการ
👍 มีระบบจัดการหลังบ้าน ใช้งานง่ายมาก
👍 ดูแลการสำรองข้อมูล จากผู้ให้บริการ
👍 ติดตั้ง WordPress ง่ายๆ จากระบบหลังบ้าน
ข้อเสียของแชร์โฮสติ้ง
👎 หน้าเว็บไซต์อาจโหลดช้าบ้าง เนื่องจากถูกแบ่งกันใช้หลายเว็บไซต์
👎 ถ้ามีเว็บไซต์ไหนกินทรัพยากรณ์มากๆ จะทำให้มีผลกระทบกันหมด
👎 ถ้ามีคนเข้าเว็บไซต์พร้อมกันมากๆ ทำให้ช้าได้
👎 ไม่สามารถปรับแต่งโฮสติ้งได้
แชร์โฮสติ้งจึงกับการเว็บไซต์ขนาดเล็ก สำหรับผู้เริ่มต้น หรือหน้าเว็บบริษัทขนาดเล็ก
ถ้าสนใจสั่งซื้อ Share hosting ของ Hostneverdie คลิกลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
2. VPS Hosting / วีพีเอส

วีพีเอสโฮสติ้ง (Virtual Private Server) คือ แชร์โฮสติ้งอีกรูปแบบหนึ่ง สร้างมาเพื่อแก้ปัญหาการใช้ทรัพยากรณ์มากจนเกินไปจนทำให้เว็บไซต์อื่นๆ ในแชร์โฮสติ้งได้รับผลกระทบ
วีพีเอสโฮสติ้งได้แก้ปัญหาตรงนี้โดยการสร้าง Virtual Web Server แยกย่อยอยู่ในเซิร์ฟเวอร์หลักเดียวกัน แต่จะแบ่งทรัพยากรณ์ไว้อย่างชัดเจนของใครของมัน ทำให้มีความยืดหยุ่นในการตั้งค่าและการดูแล
ข้อดีของวีพีเอสโฮสติ้ง
👍 เสมือนมีเซิร์ฟเวอร์เป็นของตัวเอง ไม่ต้องแบ่งทรัพยากรณ์กับเว็บไซต์อื่น
👍 โหลดเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น รองรับผู้เข้าชมได้มาก
👍 อัพเกรดสเปคหรือทรัพยากรณ์ของเซิร์ฟเวอร์ได้ตลอดเวลา
👍 ควบคุมได้เกือบหมดทุกอย่าง
ข้อเสียของวีพีเอสโฮสติ้ง
👎 ราคาที่แพงกว่าแชร์โฮสติ้งมาก
👎 ต้องมีความรู้เรื่องการ Config เซิร์ฟเวอร์
👎 การควบคุมหรือปรับแต่งบางอย่างไม่เทียบเท่า Dedicated hosting
วีพีเอสโฮสติ้งจึงกับการเว็บไซต์ขนาดเล็ก – ขนาดกลาง ที่ต้องการประสิทธิภาพต่อการเข้าชมประมาณมาก
ถ้าสนใจสั่งซื้อ VPS hosting ของ Hostneverdie คลิกลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
3. Dedicated Hosting

Dedicated hosting คือ เว็บเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง รองการเข้าใช้งานในปริมาณมาก ไม่มีการแชร์ทรัพยากรณ์กับคนอื่นๆ อิสระกับการปรับแต่งทุกส่วนในเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งก็ต้องใช้ผู้ที่มีความชำนาญและประสบการณ์เยอะพอสมควร
ข้อดี ของ Dedicated hosting
👍 รองรับจำนวนคนได้เยอะมาก ในเวลาเดียวกัน
👍 เราใช้ทรัพยากรณ์ได้เต็ม 100%
👍 มีความยืดยุนสูงในการปรับแต่งเซิร์ฟเวอร์
👍 มีความปลอดภัยสูง
ข้อเสีย ของ Dedicated hosting
👎 ราคาต้นทุนค่อนข้างแพง
👎 การดูแล ปรับปรุง ต้องทำด้วยตัวเองทั้งหมด
ถ้าสนใจสั่งซื้อ Dedicated hosting ของ Hostneverdie คลิกลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
4. Cloud hosting / คลาวด์โฮสติ้ง

Cloud hosting คือ cloud technology เป็นการนำเซิร์ฟเวอร์มาเยื่อมโยงเป็นเครื่อข่าย ซิงค์ข้อมูลกันตลอดเวลา เวลามีเซิร์ฟเวอร์ตัวใดตัวหนึ่งล่ม เซิร์ฟเวอร์ตัวอื่นจะเข้ามาทำงานแทนทันที พูดได้ว่า Downtime เป็น 0% นับว่าเป็นโฮสติ้งประสิทธิภาพสูง
ค่าบริการส่วนใหญ่จะคิดตามจำนวน Traffic จริง จึงทำให้ยากต่อการควบคุมค่าใช้จ่าย
ปัจจุบันคลาวด์โฮสติ้งได้รับความนิยมมาก เนื่องจากเป็นโฮสติ้งที่โอกาสล่มแทบจะเป็น 0 จึงทำให้มีความน่าเชื่อถือ และวางใจได้
อย่างปัจจุบันเราอาจจะได้ยินผู้ให้บริการคลาวด์โฮสติ้ง อย่างเช่น Google Cloud, Digital Ocean, Linode, VULTR, AWS และล่าสุด Alibaba cloud
ข้อดีของคลาวด์โฮสติ้ง
👍 เสถียร โอกาสล่มแทบเป็น 0%
👍 สามารถเลือกสเปคของเซิร์ฟเวอร์เองได้
👍 สามารถควบคุมได้เหมือนเป็นเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง
ข้อเสียของคลาวด์โฮสติ้ง
👎 ค่อนข้างยุงยากสำหรับคนทั่วไป
👎 ราคาแพง ควบคุมค่าใช้จ่ายยาก
👎 ผู้บริการส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ จำเป็นต้องสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ
คลาวด์โฮสติ้งจะเหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการความเสถียรภาพสูง เช่น e-commerce
Hosting ที่เราแนะนำ
1. Hostneverdie

Hostneverdie คือ ผู้ให้บริการโฮสติ้งในประเทศไทยที่มีคุณภาพ มีบริการ Hosting Solutions ให้กับบุคคลและธุรกิจต่างๆ หลายพันเว็บไซต์ เช่น Shared Hosting, Reseller Hosting, VPS Hosting และ Dedicated Hosting แต่ละ Web Hosting แพกเกจรวมบริการ 24/7, uptime สูงสุดและรับประกันคืนเงินภายใน 15 วัน ได้รับความถึงพอใจสูงถึง 99.9% จากลูกค้า ซึ่งเกิดจากบริการที่ดีเยี่ยมและรวดเร็ว และบริการเว็บโฮสติ้งที่ไว้ใจได้ ในราคาสมเหตุสมผล
- ผู้ให้บริการเป็นคนไทย
- ราคาไม่แพง
- มีแพคเกจให้เลือกเยอะ
- ทีม Support 24 ชม
- บริการย้ายเว็บไซต์ให้ฟรี
- มีระบบหลังบ้านให้งานง่าย
- Free SSL ติดตั้งง่าย
- ติดตั้ง WordPress และ Applications อื่นๆ ง่ายเพียงไม่กี่คลิก
โดยส่วนตัวได้ใช้บริการติดตั้งเว็บไซต์ให้ลูกค้าที่มีต้นทุนจำกัด แชร์โฮสประสิทธิภาพที่ดีมากๆ ทีม Support เก่งจริง, ใช้ง่ายจริง
ถ้าสนใจสั่งซื้อ hosting ของ Hostneverdie คลิกลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
2. Cloudways

คลาวด์โฮสติ้ง ได้เจ้าที่รวบรวมจุดเด่นจากเจ้าดังๆ รวมไว้ที่เดียว เช่น Amazon Web Services (AWS), Google Cloud, Digital Ocean, Linode, VULTR สามารถออนไลน์เว็บไซต์เพียงไม่กี่นาที
มี Control Panel ใช้ง่ายมากๆ ยืดหยุ่นสูง ไม่ได้ใช้ cPanel เหมือนเจ้าอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องเก่งเทคนิค คนทั่วไปรับประกันว่าใช้งานได้เลย ติดตรงไหน ถามตรงทีม Support ได้ตลอด 24ชม. หรือค้นหาใน Google มีคนทำไกด์ไว้เยอะ
Cloudways ยังให้ตำแนะนำในการปรับแต่ง WordPress เพื่อให้โหลดได้เร็วยิ่งขึ้น
- ใช้แค่ไหน จ่ายแค่นั้น
- ทีม Support ตลอด 24 ชม.
- ฟรีบริการย้ายโฮสครั้งแรก
- ฟรี SSL
- ไม่มีสัญหาผูกมัด ไม่ใช้ก็หยุดจ่าย
- รองรับ Applications ไม่จำกัด
ปัจจุบันได้ใช้บริการของ Cloudways รู้สึกประทับใจ มีระบบสนับสนุนการปรับแต่ง WordPress ให้โหลดเร็วด้วย
ถ้าสนใจสั่งซื้อ hosting ของ Cloudway คลิกลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
สิ่งที่ควรรู้ ก่อนที่จะเช่า/ซื้อโฮสติ้ง
1. สเปคของโฮสติ้ง
- จำนวนเว็บไซต์ที่รองรับ
- ขนาดพิ้นที่ที่ให้
- PHP เวอร์ชัน 7 ขึ้นไป
- ระบบหลังบ้านใช้เป็นอะไร เช่น Direct Admin, Plesk, cPanel ฯลฯ
- มีฟีเจอร์อื่นเสริมอะไรบ้าง เช่น ระบบอีเมลล์
2. คุณภาพของผู้ให้บริการ
คุณภาพของผู้ให้บริการคุณอาจจะตัดสินจากลูกค้าที่ทางผู้ให้บริการนำมาแสดง ยิ่งผู้บริการเจ้าใหญ่มีลุกค้าเจ้าใหญ่ๆ เยอะ มันก็ช่วยการันตีถึงคุณภาพได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการภายในหรือภายนอกประเทศล้วนมีประสิทธิภาพด้วยกันทั้งนั้น เช่น ผู้ให้บริการที่ผมแนะนำด้านบน ผมรับรองได้ว่าคุณจะต้องชอบ เพราะผมได้ใช้มาแล้ว
3. ราคา
จงจำไว้ว่าของถูกและดีไม่มีในโลก บ้างแพคเกจที่มีราคาหลักร้อยอาจจะสร้างปัญหาได้หรือมีการล่มบ่อย ประสิทธิภาพอาจไม่ดีเท่าแพคเกจราคาหลักพัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพึ่งพอใจ บางเจ้าถึงแม้จะเป็นแชร์โฮสราคาหลักร้อยก็ตาม
การเลือกแพคเกจ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำเว็บไซต์อะไร เพราะเราต้องเลือกแพคเกจให้เหมาะสมและคุ้มค่า จะมีแพคเกจหลักร้อยไปจนถึงหลักพันหลักหมื่น ซึ่งแพคเกจราคาถูกก็จะให้พื้นที่ไม่มาก ประมาณ 1 GB เหมาะสมกับเว็บไซต์บริษัทธรรมดา แต่ถ้าเป็นร้านค้าออนไลน์อาจจะต้องมองแพคเกจที่ให้พื้นที่เยอะขึ้นมาหน่อย ประมาณ 10 GB ขึ้นไป
สรุปพื้นที่เว็บไซต์แต่ละประเภทเพื่อเป็นแนวทาง
- เว็บไซต์บริษัททั่วไป มีจำนวนหน้าไม่เยอะ : ประมาณ 1 – 5 GB
- เว็บไซต์สมัครงาน แคตตาล็อคออนไลน์ ร้านค้าขนาดเล็ก : ประมาณ 5-10 GB
- เว็บไซต์ E-commerce ขนาดใหญ่ : ประมาณ 100 GB ขึ้นไป
- เว็บไซต์คอร์สเรียนออนไลน์ : ประมาณ 20 GB ขึ้นไป
ตัวอย่างแพคเกจ WordPress Hosting จาก Hostneverdie แบบรายปี

เราควรเลือกแพคเกจที่เหมาะสม เพียงต่อความต้องทั้งพื้นที่ และฟีเจอร์หลักๆ
4. บริการหลังการขาย
จุดนี้คือส่วนที่สำคัญที่สุด บางคนอาจจะให้ความสำคัญเรื่องของราคาและสเปคของโฮสติ้งมากกว่าบริการหลังการขาย
จากประสบการณ์ผมมองว่าบริการหลังการควรเป็นสิ่งที่คำนึงก่อน เพราะเวลาที่เว็บไซต์หรือโฮสติ้งมีปัญหา ผู้ให้บริการที่มีดีจะช่วยเราแก้ไขปัญหาได้ไว้ บางเจ้าส่งเรื่องเป็นชั่วโมงกว่าจะตอบกลับ หรือแก้ปัญหา ถ้าเป็นเว็บไซต์ขายของหรือธุรกรรมที่มันไม่อาจจะล่มได้นาน จะทำให้เกิดความเสียหายรวมถึงชื่อเสียงของเว็บไซต์เราด้วย
เว็บโฮสติ้งผมใช้อยู่ อย่างเช่น Hostneverdie และ Cloudways ผมการันตีได้เลยว่าทีม Support เค้าดีจริง เค้าเคลมว่าให้บริการ 24 ชั่วโมง และที่สะดวกกว่าคือ มีระบบ LiveChat ให้เราติดต่อทีม Support แก้ปัญหาได้ทันที
ท้ายที่สุด
หวังว่าทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านจะได้ความรู้ความเข้าใจเรื่องการเลือกโฮสติ้งประเภทต่างๆ เข้าใจความแตกต่างระหว่าง WordPress Hosting กับโฮสติ้งทั้วไป และที่ควรพิจารณาในการเลือกเช่า/ซื้อโฮสติ้งจากผู้ให้บริการ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้เริ่มต้นทำเว็บไซต์
ส่วนจะเลือก Hosting ที่ไหนดี ก็ขอให้คำนึกถึงความเหมาะสมกับสิ่งที่เราต้องด้วย